ความเครียด เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับเราทุกคน แต่ละคนก็มีวิธีการเผชิญความเครียดที่ไม่เหมือนกัน บางคนเวลาเครียดแล้วหนี ไม่อย่าพบหน้าใคร บางคนเครียดแล้วสู้ไม่ถอย ซึ่งบางครั้งวิธีการเหล่านี้ก็ได้ผล บางครั้งก็ล้มเหลว
การจัดการกับความเครียดที่ดีจะช่วยให้ปัญหาทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ โล่งอก โล่งใจ ที่สำคัญผู้เผชิญกับความเครียดจะไม่มีปัญหาสุขภาพจิต บางครั้งปัญหาอาจจะยังไม่หมดไป แต่ผู้ที่เผชิญกับความเครียดยังสามารถดำเนินชีวิตตามปกติต่อไปได้ ก็ถือว่าเป็นการจัดการความเครียดที่ดี
วิธีแรก เป็นวิธีการที่ใช้เมื่อไม่รู้จะจัดการกับความเครียดอย่างไร ก็ให้หลีกเลี่ยงสิ่งที่ก่อให้เกิดความเครียด บางคนอาจจะบอกว่า เป็นวิธีของคนอ่อนแอ แต่อย่าลืมว่าปัญหาบางอย่างแก้ไขไม่ได้ แต่พอจะหลีกเลี่ยงได้ ก็ต้องใช้วิธีนี้ เช่น
- ปฏิเสธเรื่องที่เกินข้อจำกัดของเรามากๆ เพราะหากทำลงไปอาจทำให้เกิดความเสียหาย ถ้าปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ลองหาคนมาช่วยหรือปรึกษาคนอื่นเพื่อแก้ปัญหา
- พูดคุยกับคนที่ทำให้เกิดความเครียดเท่าที่จำเป็น ก็จะช่วยลดความเครียดลงได้บ้าง
- อย่าอยู่ใกล้กับสิ่งแวดล้อมบางอย่างที่ทำให้เกิดความเครียด สร้างสิ่งแวดล้อมที่สบายตาสบายใจรอบตัวเราดีกว่า เช่น ถ้าดูโทรทัศน์ที่เสนอภาพสยดสยองก็ปิดหรือเปลี่ยนช่อง ตกแต่งภายในบ้านหรือที่ทำงานให้ดูสบายตา ปลูกต้นไม้ หรือเลี้ยงสัตว์ ก็ช่วยลดความเครียดได้
- ไม่พูดคุยเรื่องทำให้เกิดความขัดแย้งหรือไม่สบายใจ หากจำเป็นต้องยกขึ้นมาพูด ก็ควรเลือกเวลาที่อารมณ์ปกติหรือพร้อมที่จะพูดคุยทั้งสองฝ่าย
- จัดเรียงลำดับความสำคัญเรื่องที่ต้องทำ ตัดเรื่องที่ไม่จำเป็นออกไป หรือเลื่อนไปก่อน จะช่วยลดความกดดันและทำสิ่งที่สำคัญได้สำเร็จ
บางปัญหาอาจหาทางออกได้โดยการพูดจาหรือหาทางจัดการ เพื่อลดความเครียดลงบ้าง ซึ่งส่วนใหญ่ต้องอาศัยการพูดคุยและการจัดการกับสถานการณ์ต่างๆในชีวิตประจำวัน เช่น
- กล้าบอกคนอื่นให้รับรู้ถึงเรื่องที่ก่อให้เกิดความเครียด การบอกผู้อื่นว่า เรื่องอะไรที่ทำให้เครียด หงุดหงิด เสียใจ ผิดหวัง อาจจะช่วยให้คนที่อยู่ร่วมกับเราเข้าใจเรามากขึ้น และช่วยลดความเครียดลงได้บ้าง เช่น ถ้าคนอื่นทำเสียงดังก็ให้บอกให้ลดเสียงลง
- ใช้การประนีประนอม พูดคุยเพื่อหาทางออกร่วมกัน พบกันครึ่งทาง หรือต่อรองให้ลดหย่อนลงบ้างก็จะช่วยลดความเครียดและแก้ปัญหาได้ด้วย
- บางเรื่องอาจต้อง ยืนหยัด อาศัยขวัญและกำลังใจ รวบรวมความเข้มแข็ง ยืนหยัดเพื่อเป้าหมายหรือป้องกันผลเสียที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
- บริหารจัดการเวลา บางคนหมดเวลาไปกับเรื่องที่ไม่เป็นสาระ หรือรอจนใกล้เวลาที่กำหนดจึงจะลงมือทำ เมื่อมีงานสำคัญและเร่งด่วนควรเร่งมือทำให้เสร็จ ก็จะช่วยลดความเครียดและป้องกันความเครียดที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้
ถ้าใช้วิธีการเปลี่ยนสถานการณ์ไม่ได้ อาจต้องหันมาปรับเปลี่ยนมุมมองความคิดตัวเองให้เข้ากับสถานการณ์ เช่น
- เปลี่ยนมุมมองที่มีต่อปัญหา มองความกดดันในทางบวก ถือเป็นโอกาสที่ดีบ้าง เช่น มองว่าเป็นเรื่องท้าทาย ได้ฝึกทักษะบางอย่าง แปลกกว่าคนอื่น ผ่านพ้นเรื่องนี้ไปได้ก็เป็นคนเก่ง
- มองไกลไปถึงเป้าหมายปลายทาง ลองมองข้ามเรื่องที่กดดัน แล้วถามตัวเองว่าเป้าหมายปลายทางที่เราอยากได้คืออะไร เป้าหมายปลายทางจะช่วยให้เราอดทนกับความผิดหวัง เบื่อหน่าย และฝ่าฟันปัญหาไปได้
- ลดมาตรฐานลงบ้าง บางครั้งความเครียดเกิดจากความคาดหวังที่จะให้สิ่งรอบตัวหรือผลงานอยู่ในระดับดีมาก ไม่ต้องการให้ใครมาตำหนิได้ หากความคิดนี้กดดันทั้งตัวเองและคนรอบข้างมาก ก็ควรลดมาตรฐานลงบ้าง ทำเท่าที่เป็นไปได้ จะช่วยลดความเครียดได้มาก
- มองส่วนที่ดีของตัวเอง ความกดดันอาจทำให้คนเราหมดกำลังใจ ซื่งเป็นเรื่องที่ไม่ดีเลย เมื่อเกิดความรู้สึกเช่นนี้ควรทบทวนถึง ประสบการณ์ความสำเร็จที่ผ่านมา จุดแข็ง พรสวรรค์ของตนเองที่มี คำชมเชยของคนอื่นที่พูดถึงเรา การคิดถึงส่วนที่ดีหรือคุณค่าของตนเองจะทำให้มีกำลังใจมากขึ้น
สุดท้าย ถ้าเปลี่ยนอะไรไม่ได้คงต้อง ยอมรับ ปรับใจ เพื่อแก้ไขปัญหา เพราะเหตุการณ์บางอย่างเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่น การสูญเสียคนที่รัก การเจ็บป่วยร้ายแรง วิธีการที่ดีคือ ให้เวลากับความเสียใจ ผิดหวัง และพยายามยอมรับว่าเป็นเรื่องที่เกิดกับใครๆก็ได้ คนเราทุกคนต้องประสบกับความทุกข์ใจเหล่านี้ ไม่ช้าก็เร็ว การทำใจให้ยอมรับอาจจะเป็นเรื่องที่ยาก แต่การไม่ยอมรับความจริง ไม่ได้ช่วยให้สิ่งต่างๆกลับมาเหมือนเดิมได้ การยอมรับ ปรับใจทำได้โดย
- แยกแยะว่าเรื่องไหนเราควบคุมได้ เรื่องไหนที่ควบคุมไม่ได้ เช่น ดินฟ้าอากาศเป็นเรื่องที่ควบคุมไม่ได้ ก็ไม่ควรไปเครียด ทำใจยอมรับและควบคุมสิ่งที่ควบคุมได้ เช่น เตรียมร่มกันฝน ปรับเวลาเดินทางก่อนที่อากาศจะไม่ดี
- เลือกมองด้านที่สบายใจ ทุกปัญหาที่เกิดขึ้นมีหลายแง่หลายมุมเสมอ พยายามมองด้านที่ทำให้สบายใจ เช่น ถือเป็นโอกาส เป็นช่วงเวลาที่ได้พักผ่อน ถือเป็นบทเรียน คราวต่อไปจะไม่ทำผิดซ้ำ
- ต้องมีที่พึ่งทางใจ หากความกดดันหนักหนา ทำใจให้ยอมรับไม่ได้ ควบคุมความคิด ความรู้สึกของตนเองไม่ได้ ต้องพึ่งคนใกล้ชิด พูดคุยให้เขาฟังถึงความทุกข์ใจที่มี ใช้ศาสนาในการทำใจให้ยอมรับ หรือพบผู้เชี่ยวชาญทางสุขภาพจิตเพื่อดูแลจิตใจ
- ให้อภัย เป็นเรื่องที่ทำได้ยาก แต่หากทำได้ก็จะสบายใจขึ้นมาก ลองคิดเสียว่าในโลกนี้ไม่มีอะไรสมบูรณ์ คนเราทุกคนมีโอกาสที่จะทำผิดได้ ถึงแม้ในมุมมองของเราอาจจะคิดว่า หากเป็นเราคงไม่ทำผิดพลาดเช่นนี้ แต่คนเราแตกต่างกัน บางคนก็ทำได้เพียงแค่นี้ บางเรื่องมีปัจจัยต้นเหตุหลายอย่าง จะโทษใครคนใดคนหนึ่งก็ไม่ได้ ควรทำใจให้ยอมรับและดำเนินชีวิตต่อไปดีกว่า เมื่อใดที่สามารถทำใจให้ยอมรับและให้อภัย เมื่อนั้นความทุกข์ใจที่มีก็จะหายไป
ถึงแม้การจัดการความเครียดจะมีหลายวิธี จะเลือกวิธีใดก็ตาม ต้องทำอย่างมีสติ ทำแล้วยังไม่ได้ผลก็อย่าหมดกำลังใจ
ลองพยายามปรับเปลี่ยนวิธีใหม่ เมื่อทำได้สำเร็จจะรู้สึกว่า "การเผชิญความเครียดไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด"
ความรู้อื่นๆ ที่น่าสนใจ
7 ข้อแนะนำเตรียมความพร้อมก่อนเข้าร่วมการแข่งขันวิ่งระยะไกล เพื่อความปลอดภัยของผู้เข้าแข่งขัน
พระบิดาแห่งการแพทย์แผนปัจจุบัน
นักธรรมชาติวิทยาคนแรกของโลก
นายแพทย์ชาวอังกฤษผู้ใช้เวลากว่า 10 ปีในการศึกษาระบบการไหลเวียนโลหิตในร่างกายว่าทำงานอย่างไร
เนื่องจากภาวะคลอดก่อนกำหนดจะทำให้ร่างกายของเด็กที่คลอดออกมายังไม่พร้อมต่อการเผชิญสภาพแวดล้อมภายนอก จึงต้องมีการดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ
เมื่อถูกงูกัด ควรตั้งสติให้ดีและปฐมพยาบาลให้ถูกต้อง เพื่อให้พิษส่งผลกระทบกับผูถูกกัดน้อยที่สุด และสามารถนำส่งแพทย์ได้ทัน
ภาวะสมองเสื่อมนั้นถือว่าเป็นโรคชนิดหนึ่ง ไม่ใช่ภาวะปกติของผู้สูงอายุ สาเหตุเกิดจากลักษณะการใช้ชีวิตในแต่ละวันของคนเราว่าจะเพิ่มความเสี่ยงที่จะเป็นโรคนี้หรือไม่ จึงควรรู้ถึงสาเหตุและวิธีการป้องกันไม่ให้เกิดภาวะสมองเสื่อม