ขึ้นชื่อว่ามะเร็งทุกคนก็กลัวกันทั้งนั้นละครับ โดยเฉพาะในสุภาพสตรี มะเร็งที่สุภาพบุรุษมีความเสี่ยงน้อยกว่ามากๆ คือ มะเร็งเต้านม และมะเร็งมดลูก ซึ่งทั้ง 2 ชนิดเป็นมะเร็งอันดับที่ 1-2 ที่พบในสุภาพสตรี การมีความรู้ไว้บ้างก็คงจะดีนะครับ เพราะหากสงสัยว่าเป็นมะเร็งและสามารถตรวจพบตั้งแต่ในระยะเริ่มแรก ก็จะช่วยให้ผลการรักษาดีขึ้น โอกาสหายจากโรคก็มีมากขึ้น
อัตราการพบมะเร็งเต้านมในแต่ละประเทศไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติและวิถีการดำเนินชีวิต เช่น ในประเทศตะวันตก พบมะเร็งเต้านมได้ถึง มากกว่า 100 คนในสุภาพสตรีวัยเจริญพันธุ์ 1 แสนคน ส่วนในเอเชียพบน้อยกว่า ข้อมูลจากสำนักระบาดวิทยาของไทยที่ได้รับการเผยแพร่ในวารสารระบาดวิทยาระดับโลก พบว่าหญิงไทยมีอัตราการพบมะเร็งเพียง 40 คนในสุภาพสตรีวัยเจริญพันธุ์ 1 แสนคน ซึ่งถ้าเทียบเป็นร้อยละก็จะได้เท่ากับร้อยละ 0.04 ซึ่งน้อยมากนะครับ
ปัจจัยที่สำคัญที่สุดที่ทำให้ความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งเต้านมเพิ่มขึ้น คือ อายุ พบว่าคนอายุมากขึ้น มีความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งเต้านมมากขึ้น ในสุภาพสตรีที่พบก้อนที่เต้านมเมื่ออายุ 60 ปี มีโอกาสเป็นมะเร็งเต้านมสูงถึงร้อยละ 50-60
ปัจจัยอื่นๆที่มีความสำคัญรองลงมาคือ การเคยผ่าตัดก้อนเนื้อที่เต้านมและพบว่าเป็นซีสเต้านมชนิดที่เริ่มผิดปกติ(Atypia) และการพบว่ามีญาติสนิท(แม่ พี่สาว น้องสาว หรือลูก) เป็นมะเร็งเต้านมมากกว่า 2 คน
ปัจจัยอื่นๆ ที่มีความเสี่ยงเพียงเล็กน้อย ได้แก่ การเริ่มมีประจำเดือนครั้งแรกตั้งแต่อายุยังน้อย การหมดประจำเดือน(วัยทอง)ช้า การไม่มีบุตร หรือมีบุตรยาก การที่เคยใช้ยากลุ่มฮอร์โมนในวัยหมดประจำเดือนติดต่อกันเป็นเวลานานมากกว่า 10 ปี เป็นต้น
มะเร็งเต้านมส่วนใหญ่จะไม่มีอาการเจ็บ หรือปวด(มีเพียงร้อยละ 10 ของผู้ป่วยมะเร็งเต้านม ที่มาพบแพทย์ด้วยอาการปวดเต้านม) แต่จะคลำพบก้อนที่เต้านม ดังนั้น การตรวจเต้านมด้วยตนเองเป็นประจำ จะช่วยในการตรวจหามะเร็งเต้านมได้ หากพบก้อนที่ไม่เคยพบมาก่อน ควรปรึกษาแพทย์ ก้อนของเต้านมที่เป็นมะเร็งนั้น มักจะแข็งและขรุขระ แต่ก็อาจเป็นก้อนเรียบๆได้นะครับ
อาการอื่นๆ นอกจากก้อนที่เต้านมแล้ว อาจพบผิวหนังที่เต้านมบุ๋มลงไปคล้ายลักยิ้ม หรือมีรูปร่างของเต้านมผิดไปจากเดิม หรืออาจมีแผลที่หัวนมและรอบหัวนม หรือมีน้ำเหลืองหรือน้ำเลือดไหลออกจากหัวนม บางรายคลำพบก้อนบริเวณรักแร้ และนานๆ ครั้งจะพบมะเร็งเต้านมที่มีอาการบวมแดงคล้ายการอักเสบที่เต้านมครับ นอกจากอาการผิดปกติที่เต้านมแล้ว การตรวจเต้านมด้วยเครื่องแมมโมแกรม(Mammogram) และ อัลตราซาวด์(Ultrasound) สามารถตรวจพบมะเร็งเต้านมขนาดเล็กตั้งแต่ยังไม่มีอาการได้ โดยอาจพบก้อนหรือจุดหินปูนในเนื้อเต้านมได้ครับ
การตรวจเลือดเพื่อหามะเร็งเต้านมนั้น มีความแม่นยำค่อนข้างต่ำ เนื่องจากว่า คนที่เป็นมะเร็งเต้านมจะพบผลการตรวจเลือดเกี่ยวกับมะเร็ง เช่น CA153, CEA ผิดปกติน้อยกว่าร้อยละ 20 จึงไม่ค่อยคุ้มกับการตรวจ เพราะถึงผลตรวจเลือดปกติก็อาจมีมะเร็งเต้านมอยู่ในร่างกายได้ ส่วนการตรวจยีน เช่น gene BRCA1, BRCA2 จะแสดงผลผิดปกติในมะเร็งเต้านมที่เป็นกันทั้งครอบครัว หากตรวจพบก็ไม่ได้บอกว่า กำลังเป็นมะเร็งอยู่ เพียงแต่ทำให้ทราบว่าโอกาสจะพบมะเร็งเต้านมในคนๆนั้นมากกว่าคนทั่วๆไป และยีนดังกล่าวก็พบได้เพียงร้อยละ 5-10 ของผู้ป่วยมะเร็งเต้านมทั้งหมด ดังนั้น หากตรวจยีนดังกล่าวแล้วปกติ ก็ยังมีสิทธิเป็นมะเร็งเต้านมอยู่ไม่น้อย
ดังนั้น วิธีการที่จะทราบว่ามีมะเร็งเต้านมหรือไม่ ก็คือ คลำเต้านมตนเองทุกเดือน พบแพทย์ตรวจเมื่อมีอาการสงสัย(อย่าปล่อยไว้เพราะไม่เจ็บ) และตั้งแต่อายุ 40 ปีเป็นต้นไปควรตรวจแมมโมแกรมทุกปี
7 ข้อแนะนำเตรียมความพร้อมก่อนเข้าร่วมการแข่งขันวิ่งระยะไกล เพื่อความปลอดภัยของผู้เข้าแข่งขัน
พระบิดาแห่งการแพทย์แผนปัจจุบัน
นักธรรมชาติวิทยาคนแรกของโลก
นายแพทย์ชาวอังกฤษผู้ใช้เวลากว่า 10 ปีในการศึกษาระบบการไหลเวียนโลหิตในร่างกายว่าทำงานอย่างไร
เนื่องจากภาวะคลอดก่อนกำหนดจะทำให้ร่างกายของเด็กที่คลอดออกมายังไม่พร้อมต่อการเผชิญสภาพแวดล้อมภายนอก จึงต้องมีการดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ
เมื่อถูกงูกัด ควรตั้งสติให้ดีและปฐมพยาบาลให้ถูกต้อง เพื่อให้พิษส่งผลกระทบกับผูถูกกัดน้อยที่สุด และสามารถนำส่งแพทย์ได้ทัน
ภาวะสมองเสื่อมนั้นถือว่าเป็นโรคชนิดหนึ่ง ไม่ใช่ภาวะปกติของผู้สูงอายุ สาเหตุเกิดจากลักษณะการใช้ชีวิตในแต่ละวันของคนเราว่าจะเพิ่มความเสี่ยงที่จะเป็นโรคนี้หรือไม่ จึงควรรู้ถึงสาเหตุและวิธีการป้องกันไม่ให้เกิดภาวะสมองเสื่อม