พีทาโกรัส(Pythagoras)

พีทาโกรัส

พีทาโกรัส(Pythagoras) เกิดเมื่อประมาณ 582 ก่อนคริสต์ศักราช ที่เมืองซามอส(Samos) ประเทศกรีซ พีทาโกรัสเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านคณิตศาสตร์ ทฤษฎีของเขาได้รับการพิสูจน์แล้วว่าถูกต้อง น่าเชื่อถือและมีการนำมาใช้จนถึงปัจจุบัน

เนื่องจากพีทาโกรัสเป็นนักปราชญ์ที่เกิดก่อนคริสต์ศักราชถึง 500 ปี ประวัติชีวิตส่วนตัวของเขาจึงไม่มีการบันทึกไว้มากนัก เท่าที่มีการบันทึกไว้พบว่า เขาเป็นคนฉลาดหลักแหลม มีความสามารถและเป็นที่นับถือของชาวเมืองมากทีเดียว เมื่อพีทาโกรัสอายุได้ 16 ปี เขาได้เดินทางไปศึกษาวิชากับ เธลีส(Thales) นักปราชญ์เอกคนแรกของโลก แม้ว่าเธลีสจะเป็นผู้ที่มีความรู้กว้างขวางในหลายสาขาวิชา และได้ถ่ายทอดความรู้เหล่านั้นให้กับพีทาโกรัสจนหมดสิ้น แต่พีทาโกรัสก็ยังต้องการศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม ดังนั้นในปี 529 ก่อนคริสต์ศักราช พีทาโกรัสจึงออกเดินทางไปตามเมืองต่างๆ เช่น อาระเบีย เปอร์เซีย อินเดีย และอียิปต์ ตามลำดับ เมื่อเขาเดินทางกลับเกาะซามอส และพบว่าเกาะซามอสได้อยู่ในความปกครองของโพลีเครตีส(Polycrates) และอีกส่วนหนึ่งได้ตกเป็นของเปอร์เซีย พีทาโกรัสจึงเดินทางออกจากเกาะซามอสไปอยู่ที่เมืองโครตอน(Croton) ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศอิตาลี และที่เมืองโครตอนนี้เองพีทาโกรัสได้ตั้งโรงเรียนขึ้น โดยโรงเรียนของพีทาโกรัสจะเน้นหนักในเรื่องของปรัชญา คณิตศาสตร์ และดาราศาสตร์

พีทาโกรัสได้กล่าวไว้ว่า "คณิตศาสตร์เป็นพื้นฐานของทุกสิ่งทุกอย่าง ถ้าไม่มีคณิตศาสตร์แล้ว ทุกอย่างก็จะไม่เกิดขึ้น" ข้อเท็จจริงข้อนี้ถือว่าถูกต้องที่สุด เพราะไม่ว่าจะเป็นการก่อสร้าง การคำนวณหาระยะทางหรือแม้กระทั่งการประดิษฐ์เครื่องใช้ต่างๆ ล้วนแล้วต้องใช้หลักการทางคณิตศาสตร์ทั้งสิ้น

ผลงานการค้นพบเกี่ยวกับคณิตศาสตร์ของเขา ได้แก่ การพบเลขคี่(เลข 5 เป็นเลขคี่ตัวแรกของโลก) และ เลขยกกำลังสอง นอกจากนี้พีทาโกรัสยังแบ่งคณิตศาสตร์ออกเป็น 2 สาขา คือ

1. เลขคณิต ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับตัวเลข
2. เรขาคณิต เป็นเรื่องเกี่ยวกับรูปทรงต่างๆ เช่น สี่เหลี่ยม วงกลม สามเหลี่ยม และหกเหลี่ยม เป็นต้น ซึ่งวิชานี้มีประโยชน์อย่างมากในทางสถาปัตยกรรม

ทฤษฎีบทเรขาคณิตที่มีชื่อเสียงที่สุดของพีทาโกรัส คือ "ในรูปสามเหลี่ยมมุมฉากใดๆ กำลังสองของความยาวของด้านตรงข้ามมุมฉาก เท่ากับผลบวกของกำลังสองของความยาวของด้านประกอบมุมฉาก"

มีผู้ให้ความสนใจส่งบุตรหลานเข้าเรียนในโรงเรียนของพีทาโกรัสจำนวนมาก ทั้งพระมหากษัตริย์ ขุนนางราชสำนักและพ่อค้าคหบดีที่มั่งคั่ง ผู้ที่จบการศึกษาจากโรงเรียนแห่งนี้ได้มีการตั้งชุมนุม โดยใช้ชื่อว่า "ชุมนุมพีทาโกเรียน(Pythagorean)" ผู้ที่จะสมัครเข้าชุมนุมพีทาโกเรียนจะต้องมีความรู้ด้านคณิตศาสตร์เป็นอย่างดี อีกทั้งจะไม่เผยแพร่ความรู้ด้านคณิตศาสตร์ให้กับผู้ที่ไม่ได้เป็นสมาชิกของชุมนุม ชุมนุมพีทาโกเรียนมีบทบาททางด้านวิทยาศาสตร์ในช่วงเวลานั้นเป็นอย่างมาก อีกทั้ง เป็นชุมนุมแรกที่มีความเชื่อว่า โลกกลมและไม่ได้เป็นศูนย์กลางของจักรวาล

พีทาโกรัสเป็นนักวิทยาศาสตร์คนแรกที่ตั้งทฤษฎีเกี่ยวกับโลกกลม และการหมุนรอบตัวเองของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ โลกและดาวเคราะห์ ซึ่งในเวลาต่อมานักดาราศาสตร์อย่าง นิโคลัส โคเปอร์นิคัส และ กาลิเลโอ ได้นำทฤษฎีนี้มาพิสูจน์แล้วพบว่าทฤษฎีนี้ถูกต้อง

พีทาโกรัสไม่เพียงแต่สนใจด้านคณิตศาสตร์เท่านั้น เขายังสนใจเรื่องเกี่ยวกับแสงด้วย การค้นคว้าของพีทาโกรัสทำให้เขารู้ความจริงว่า "มนุษย์ไม่สามารถมองเห็นแสงสว่างได้ เพราะแสงสว่างเป็นเพียงอนุภาคเล็กๆ เท่านั้น แต่แสงสว่างเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เรามองเห็นวัตถุ เนื่องจากแสงตกกระทบไปที่วัตถุ ทำให้วัตถุนั้นสะท้อนแสงมากระทบกับตาเรา"

นอกจากเรื่องแสงแล้ว พีทาโกรัสได้ค้นพบเกี่ยวกับเรื่องเสียงด้วย เนื่องจากวันหนึ่งเขาได้เดินผ่านร้านตีเหล็กและได้ยินเสียงช่างตีเหล็กใช้ค้อนตีแผ่นเหล็ก เขาสังเกตว่าเมื่อค้อนกระทบแผ่นเหล็กและแผ่นเหล็กเกิดการสั่นสะเทือน ก็จะเกิดเสียงตามมา เขาจึงสรุปได้ว่า "เสียงเกิดจากการสั่นสะเทือนของวัตถุ"

พีทาโกรัสเสียชีวิตเมื่อประมาณ 507 ก่อนคริสต์ศักราช ที่เมืองเมตาปอนตัม(Metapontum)